เฉอลินญ์ อภินาราเกษมสิทธิ์ หรือนินิว เจ้าของบริษัท อิ่มสุขฟู้ดส์ฯ บ.ดงยอ ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร พร้อมด้วย นายธีรศักดิ์ ทองรวง ทนายความ จัดแถลงต่อสื่อมวลชน (24 ตุลาคม) ภายหลังมีหนังสือทวงถามการผิดนัดชำระสินเชื่อกับธนาคารแห่งหนึ่งสาขาสกลนคร ในฐานะคนค้ำประกัน เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา จึงไปตรวจสอบกับธนาคาร แล้วก็พบว่าอดีตชายคนสนิทชื่อดังนำหลักฐานและลายมือชื่อของตนเองไปค้ำประกันวงเงินสินเชื่อกับธนาคารถึง 4 สัญญา เมื่อปี 2566 รวมกันแล้ว 80 ล้านบาท!!!

โดย นินิว กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“จากกรณีตนได้รับใบแจ้งหนี้ผิดนัดชำระในฐานะคนค้ำประกัน อยากยืนยันว่าไม่ได้เซ็นหรือมอบอำนาจให้ใครไปทำธุรกรรมสินเชื่อกับธนาคารและสามารถยืนยันได้ว่าเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2566 ตอนเกิดสัญญาขึ้นกับทางธนาคาร ซึ่งมีหลักฐานและพยานยืนยันความบริสุทธิ์ได้ในเรื่องนี้
หลังทราบเรื่องตนไม่ได้รับความเป็นธรรม มีอุปสรรคในเรื่องเอกสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องพึ่งทนายความและศาล วันนี้ตอนเช้าที่ผ่านมาได้เดินทางไปศาลจังหวัดสกลนคร เพื่อฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องในสัญญาทั้งทางแพ่งและทางอาญา ที่ทำให้ได้รับผลกระทบเสียโอกาสทางการเงินเกี่ยวกับธุรกิจ” (น้ำตาซึม)

ด้าน นายธีรศักดิ์ ทองรวง ทนายความเผยว่า
“วานนี้ (24 ตุลาคม) ได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดสกลนคร เพื่อฟ้อง 2 คดี ประกอบด้วยคดีแพ่งยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งสัญญาค้ำประกัน 4 ฉบับ ให้เป็นโมฆะ เพราะว่าเจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาไปค้ำประกันด้วยการลงลายมือชื่อเองหรือมอบหมายให้ผู้ใดทำแทน และต้องการเอกสารต้นฉบับของสัญญาทั้งหมดมาตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นลายมือชื่อของผู้ค้ำประกันจริงหรือไม่

และการยื่นฟ้องต่อแพ่งมีการเรียกร้องต่อจำเลยทั้งหมด 6 คน เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท ส่วนคดีอาญาได้ฟ้องจำเลยทั้งหมด 5 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามเอกสารที่ปรากฏ ทั้งผู้กู้กรรมการผู้กู้และจนท.ธนาคารที่รับรองว่าคุณนินิวไปลงลายมือชื่อความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม

ไม่เพียงแค่นั้น นายธีรศักดิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า
“การออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนครั้งนี้ เพราะเจ้าตัวตกเป็นผู้เสียหายและอยากตั้งข้อสังเกตธนาคาร เหตุใดการทำสินเชื่อวงเงินสูงขนาดนี้ถึงปล่อยปละละเลยเรื่องเอกสารได้อย่างไรทั้งที่เจ้าตัวไม่รู้ ซึ่งวันทำธุรกรรมสินเชื่อดังกล่าวทางเราและเจ้าตัวมีพยานและหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าวันทำธุรกรรมดังกล่าวนั้น คุณนินิวไม่ได้อยู่ในสถานที่ทำธุรกรรมหรือไปลงลายมือชื่อใดๆ ทั้งสิ้น
วันที่ถูกนำชื่อไปทำธุรกรรมคือวันเดียวกันช่วงเซ็นใบหย่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 จึงเป็นที่น่าสังเกตเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ คุณนินิวตกเป็นผู้ค้ำประกันโดยไม่มีเจตนาเท่ากับว่ามีหนี้และภาระเพิ่มในระบบการเงินทำให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้อยากให้ธนาคารที่ทำเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงตรงนี้ด้วย…”
โดยความคืบหน้าประการใด จะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง!!!