หลายคนคิดว่า “โหราศาสตร์” อาจเป็นเรื่องไร้เหตุผล หรือหาเหตุผลไม่ได้ แต่หลาย ๆ คนก็ใช้ โหราศาสตร์ มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัว เพราะ โหราศาสตร์ คือศาสตร์เกี่ยวกับการบันทึกสถิติและการคำนวนอย่างเป็นระบบ โดยใช้วันเดือนปีเกิดมาเป็นตัวเลขให้การหาคำตอบในแต่ละเรื่อง โดยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาประกอบการทำนายทายทัก ทั้งเรื่องการแก้ไข หรือปลดล็อคต่างๆ รวมทั้งการเสริมดวงให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

เรามีโอกาสได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่ง รูปร่างท้วม ในมือมี “กระดานโหร” เหมือนในสมัยโบราณ ท่านมีชื่อว่า อาจารย์วินไท ไขนามเลข ศาสตร์ดวงดาว หรือชื่อสกุลตามบัตรประชาชนคือ ธนินทร์ วงศ์ปัญญาเสถียร ท่านเปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยถึงเรื่องราวความเป็นมาในการเป็น อาจารย์วินไท ไขนามเลข ศาสตร์ดวงดาว มาทำความรู้จักกับท่านผ่านตัวหนังสือเหล่านี้กัน

เริ่มต้นจากการเป็นโหรหรือมีที่มาที่ไปอย่างไรคะ

ผมเรียนโหรมาโดยตรงเลยครับ มีที่มาที่ไปคือเป็นหลักสูตรของทางโหรธิบดีตรงๆ เลย ก่อนที่จะไพรเวทก็คือนักเรียนกลุ่มห้องจะเริ่มต้นจากนักเรียนชั้นตรี คนจบตรีจะได้เรียนอยู่ในช่วงนั้น แล้วสอบเข้าเพื่อชิงเข็มราชโหรก็จะกลายเป็นไพรเวทชั้นโท แล้วก็จะเป็นคณาจารย์ ซึ่งจะแตกต่างจากอธิบดีโหร อธิบดีโหรตอนนี้ชั้นยศเต็มๆ เลย จะมีแค่อาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ แต่ตอนนี้ในคณาจารย์โหรมีอยู่ประมาณ 4 ท่าน เท่าที่ไปอ่านมา เมื่อเดือนมีนาคม ท่านเสียไปแล้ว 1 คนก็จะเหลือแค่ 3 ในคณาจารย์โหร ผมก็ติด 1 ใน 3 มันก็จะได้เข็มได้อะไรครบทุกอย่างแล้วก็เป็นครูเบื้องต้นที่สอนโหราต่างๆ ศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับโหราศาสตร์ เป็นหลักสูตรทางวิทยาศาสตร์ ใช้ดวงดาวเป็นที่ตั้ง ระบบดาวที่ตั้งจะใช้ในกระดานโหร และกระดานโหร ไม่ใช่จะหาซื้อได้ ของพวกนี้มันคือการส่งทอดจากครูถึงลูกศิษย์ที่พอจะมีของ และสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่ถ้าสมัยนี้จะไปใช้ในเรื่องของการช่วยเหลือ มันดูตลก เพราะสิ่งที่ผมช่วยเหลือคือ ผมจะต้องไปแก้ไขเอง ไม่สามารถมาเสียเงินให้ผมแล้ว คุณจะดี ไม่ใช่แบบนั้น มันคือการหลอกลวง ซึ่งคนใช้ผิดประเภท มันมีแต่เราไม่ได้ใช้แบบนั้น คุณแก้จากตัวคุณเองจบ

เพราะฉะนั้นการเปิดกระดานโหรแต่ละที มันเป็นกระดานหินโบราณ ซึ่งมันต่างจากกระดานดำ แต่มันสีดำเหมือนกัน แต่อันนี้ใช้หินโบราณโหราศาสตร์ มีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เพราะฉะนั้นสามสี่ร้อยปีที่ผ่านมา มันจะมีค่าอัตลักษณ์ที่จะบอกเรื่องดวงดาว 99 ล้านคู่ดวงดาว 360 ล้านดาวในเอกภพ หรือระบบสุริยะจักวาล เขาเรียกว่าเอกภพทั้งหมดในรอบจักวาล ซึ่งมีทางช้างเผือกสุริยันต์กับจันทรา ก็คือดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ โดยจะอยู่ในดวงดาวต่างๆ แล้วก็มีดาวพระเกตุเข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นก็คือดาวห้าธาตุเกล้า ห้าธาตุเกล้าจะมารวมในอะไรที่เกินไปจะตัดให้พอดี อะไรที่ยังไม่เต็มเติมให้เต็มไม่มีขาดไม่เกิน เพราะในธาตุดาวแต่ละดวงมีธาตุดาวจำเพาะ แต่ละดวงดาวที่มันมีปัญหาเช่น ยูเรนัท เนปจูน ดาวมฤตยูซึ่งเป็นดาวดวงเดียวกัน มันจะมีค่าของมัน ดาวพวกนี้ทำให้มันเงาชนเงาของดาวมันต่าง ทำให้เสียหาย

หลักโหรศาสตร์จะเป็นจุดเชื่อมโยงของศาสตร์โบราณ โดยดาวแต่ละจะมีค่าแบบไหนมันจะแบ่งโซนออกมาเป็น9.1 หมายถึง 7 วัน + ราหู + พระเกตุ เป็น 9+1 ผมเข้าใจว่ากำลังงง ซึ่งทำให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือแบ่งตารางวันนั่นแหละ แต่มีพระเข้ามาเกี่ยวของคือดาวพระจันทร์ แต่จะเพิ่มดาวพระราหูกับดาวพระเกตุเสริมมาเป็น 8 กับ 9 ซึ่งดาวพวกนี้มีความหมายว่าดาวคู่ไหนเป็นคู่ไหน ซึ่งจะไม่ทำให้เสีย แต่หลายๆ ท่านมองว่าคนที่เก่งจะเสริมส่วนคนเก่งกว่าจะล้าง เหมือนผมมาสายล้างสายแก้ เพราะฉะนั้นในสายแก้ คนที่จะแก้จริงๆ มีน้อย ส่วนมากจะเสริม แต่เราเป็นสายแก้ ถ้าคุณไปเสริมที่ไหนก็แล้วแต่แล้วบังเอิญว่ามันตกกระทบดาว ซึ่งคุณเกิดวันอังคาร ดาวพระนอน หรือ ดาวพระอังคาร คุณไปตกจันทราเข้า ซึ่งวันนั้นคุณเกิดในคืนวันจันทร์ที่ตกกระทบในอาทิตย์อัศดง แล้วคุณร่วง เราแก้ล้างคุณไปทำใหม่

อย่างนี้เขาจะเรียกหมอดูมั้ย

ไม่ใช่ครับไม่เกี่ยวกับหมอดู หมอดูคืออาชีพหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการดูลายมือ ดูเท้าดูหน้าเปิดไพ่หลายๆ อย่าง แต่โหราคือต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์เข้ามาโดยไม่ใช้การคาดเดา ส่วนตัวผมดูจากตัวเลข ลักขณาตัวเลขจากดวงดาวที่จะแปลตัวเลขจาก 0-99 จากวันเดือนปีเกิด แต่ไม่เอาเวลาตกฟาก เพราะตกฟากคือการผูกดวง ซึ่งถ้าคนไม่ดี เขาจะเอาคุณผูกดวงคุณจะไปไหนจากเขาไม่ได้เลย คุณก็จะต้องเสียเงินให้เขามันเหมือนมิจฉาชีพ ทุกวันนี้เหมือนมิจฉาชีพไปแล้ว แต่สำหรับผมที่ถูกสอนมาคือ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นา ครับ

ทำไมสนใจด้านโหราศาสตร์

ผมเคยเป็นครูสอนพละ ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากเรียนรู้เรื่องตารางของดาว ผมจะใช้ชีวิตอยู่ในท้องฟ้าจำลองเป็นอาทิตย์ หลงใหลดวงดาว ชอบกลิ่น ชอบระบบสุริยะจักวาล ชอบมาก ซึ่งมันมีอะไรหลายรูปแบบหลายๆ คนเข้าใจผิด มันเหมือนได้พระมาองค์หนึ่งที่เป็นพิมพ์นิยม ที่ใครๆ ก็ชอบกัน รูปแบบของดาวเหมือนดาวตก ที่คนเขื่อว่า ถ้าอธิฐานแล้วสำเร็จ แต่จริงๆไม่ใช่มันคือสะเก็ดดาว มันผิดกฎมาตั้งแต่ต้นแล้ว มันถูกสอนมาผิดๆ คำว่าดาวตก มันตกตั้งแต่แรกจะมาอธิฐานให้สมหวังมันไม่ได้ แล้วเราก็มาใช้หลักการอ่านหนังสือของระบบดวงดาวถ้าได้เข้าไปที่บ้านผมจะเห็นหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องระบบดวงดาว ผมจะนั่งอ่านหนังสือพวกนี้ ฟังไปอ่านไป จนทำให้รู้สึกว่าผมต้องเรียนต้องศึกษา เลยได้เข้าไปศึกษากับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอาจารย์ผม ท่านสอนเก่งมาก ท่านสอนเข้าใจมากแบบว่าผงตัวนี้ต้องบดจากความกี่ตัว ช้างกี่ตัว เสือกี่ตัว แล้วถึงจะเอามาใส่ห่อผ้าแล้วเป็นแบบนี้ๆ ผมเรียนโหรทุกอย่าง แต่ตรงนั้นเอาไว้เสริม ผมก็ศึกษาเพิ่มอีก ผมค่อนข้างเกเรไม่ชอบอยู่ในกรอบที่จำกัดเส้นว่า ต้องเดินตรงๆ ถึงจะถึงแต่การเดินตรงๆ มันไม่เห็นอะไรเยอะไงครับเดินอ้อมๆ บ้างก็ดีได้เห็นอะไรเยอะดีเจอคนดีก็ดีไปเจอคนไม่ดีก็เป็นประสบการณ์เป็นรสชาติชีวิตไปครับ

ตอนนี้คิดว่ายังมีอะไรทีต้องเรียนต่ออีกมั้ยทางด้านของการเป็นโหร

ผมว่าตอนนี้ผมเป็นครูคนอื่นได้แล้ว เพราะการเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้วครับ

ก็แสดงว่ามีลูกศิษย์มาขอเรียนทางด้านนี้

ไม่มีใครเรียนได้ครับ เพราะผู้หญิงก็ไม่สามารถทำเรื่องเกี่ยวกับการบวงสรวงได้ เพราะมีประจำเดือน ผมไม่ได้โจมตีนะ ทุกวันนี้ด้วยการว่าความต่างๆ การกล่าวโองการหรือการบูชาครู ส่วนมากไม่ใช่ผู้หญิง เพราะมีประจำเดือนดูในชั้นยศของข้าราชบริพาร ซึ่งชั้นยศของรัฐกาลที่ 4 เป็นต้นมาไม่มีใครเอาผู้หญิงว่า เพราะว่าเขามีประจำเดือน เขาไม่บอกเราหรอกว่า เขามีหรือไม่มี พอว่าโองการมันจะเสียหาย ไม่ใช่ว่าผู้หญิงไม่ดีนะ เป็นความเชื่อจากอดีตด้วยจารีตประเพณีด้วย เขาก็มีเหตุผลของเขามาอยู่แล้ว

ปัจจุบันอาจารย์รับทำเกี่ยวกับอะไรบ้าง

ส่วนมากจะล้างเกี่ยวกับคนที่ไปติดคุณไสย ทำแท้งโดยเจตนาและไม่เจตนา แล้วก็ค่าความเสียหายเกี่ยวกับการไปเสริมยันตราของพวกผี สิ่งที่มองไม่เห็น ที่เขาบอกพวกน้ำมัน พวกนี้ต้องดูดีๆ ถ้ามาจากสิ่งไม่บริสุทธิ์ มันถือว่าเสียหายมาจากทางสายดำ ในการล้างพวกนี้น้ำที่ทำมันจะต่างกัน เราจะต้องใช้น้ำของตัวเองที่ซื้อมา 1.5 ลิตร เสริมด้วยน้ำมนต์มารดาของหลวงปู่หงส์ จังหวัดสุรินทร์ แล้วว่าคาถากับเทียน 1 บาท 5 เล่ม ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมนต์ แต่ต้องใช้น้ำที่เราซื้อ เพราะเราไม่รู้แหล่งที่มาของน้ำประปา เขาใส่อะไรบ้าง เพราะในสมัยโบราณ ถ้าเขาใส่น้ำมันพรายมาคือ คุณก็ต้องมาหาเขาตลอด ชีวิตคุณก็ดิ่ง ร่วงตกลงมาเลย

แล้วรายได้ของการเป็นโหร เป็นอาจารย์สายล้าง

ผมคิดว่ามันไม่ได้ฉาบฉวย ผมเป็นคนที่ไม่ได้โกง ไม่ได้เอาแต่เงิน ผมมีอาชีพอื่นที่ผมทำได้ แล้วผมทำอยู่หลายอาชีพเลย เพราะผมมีครอบครัว ผมไม่ได้มองว่าการเป็นโหรหรือเป็นอาจารย์จะเป็นรายได้หลักของผม มันเป็นแค่ อาชีพเสริม ที่ผมเอาไว้ช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า ผมมีอาชีพและธุรกิจส่วนตัวที่ทำอยู่ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้แบบสบายๆ เลยครับ

แล้วอาจารย์มีความคาดหวังอะไรอีกกับหน้าที่ความเป็นโหรของเรา

ผมไม่ได้คาดหวัง ถ้าอะไรซักอย่างหนึ่ง ทำให้คนใดคนนึงที่เป็นลูกศิษย์คาดหวังเขาต้องยอมรับความผิดหวัง เพราะฉะนั้นไม่คาดหวังจะไม่ผิดหวัง ถ้าการคาดหวังของผมจะเป็นโหรที่ยิ่งใหญ่มั้ย ผมไม่ มันเหนื่อย มันอะไรก็ไม่รู้จุกจิกมากมาย แต่ปัญหาคือถ้าเราเป็นคนที่คอยบอกทุกเช้า ผมจะโพสเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการใส่บาตร แต่ผมไม่ได้โพสว่า เช้านี้ผมทำขนมปังให้พ่อผม ทำนั่นทำนี่โดยใช้นั่นนี่ ทุกคนจะไม่เห็นตรงนี้ แต่ทุกครั้งผมจะทำให้บุพการีก่อนทำให้พระสงฆ์องค์เจ้า แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระ ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนทั่วไป อาจจะอ่านหนังสือเยอะดูแล้วเหมือนหลุด แต่จริงๆแล้วผมไม่ได้คิดเหมือนที่เป็นทุกวันผมไม่คิดว่าจุดนี้ผมต้องเดิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 นะ แต่ผมรู้ว่ามันผิด แต่การผิดของผมมันมีทางลัดของมันเองเสมอ แต่ทางลัดนั้นมันก็อยู่ที่ความชอบธรรมด้วย มันต้องไม่โกงใครไม่หลอกใคร ไม่ทำให้คนอื่นหมดความคิดที่จะต้องรู้สึกว่าต้องคิดให้มันดี ซึ่งผมมั่นใจว่าที่ผมให้ในลูกศิษย์หลายๆ คนได้ดีและดีมากจากตัวเขาเอง

อาจารย์ศึกษานานไหคะ

ตั้งแต่เข้าไปเรียนก็ 7-8 ปีแล้วนะ เพราะมันเรียนจากวัดมงกฎกษัตริย์ เข้ามาเรียนในราชโหร เรียนในโหราธิบดีเยอะนะ แต่การเรียนพวกนี้มันสบาย เพราะเรียนเสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาก็ทำงานของตัวเองไปอันนี้คือ เรียนเสริมว่างก็เข้าไปนั่งดูดาวดูว่าเกิดเรื่องราวอะไรบ้าง ทำไมดาวอังคารกับดาวศุกร์ ถึงเหมือนโลกมนุษย์ทำไมมนุษย์ถึงไปใช้ชีวิตในดาวอังคารกับดาวศุกร์ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เหมือนโลก ติดชั้นบรรยากาศคุณต้องใช้ระเบิดนิวเคลียร์เป็นแสนลูก เพื่อที่จะไปทำให้เกิดในชั้นบรรยากาศถึงจะเข้าไปได้ ใครจะไปทำขนาดนั้น ไม่มีใครเป็นมหาเจ้าอำนาจขนาดนั้น

ถ้างั้นคำว่า สายมู ใช้กับอาจารย์ได้

ใช้ได้ครับ ผมสายพญานาค ผมเคยไหว้ครุฑ ผมก็เคยอยู่ในสายข้าราชการ แต่ผมรู้สึกว่าติดขัด ผมก็เลยไหว้พญานาคราช บางคนก็บอกว่าเป็นเดรัจฉาน แต่ผมก็ว่าอยู่ที่ความเชื่อ แต่สำหรับผมคือที่สุดๆ ตรงที่ถ้าหากว่าหาครูของตัวเองเจอ มีอยู่ 4 ภพก็คือจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับวิรูปักษ์ เราจะต้องรู้ว่าเขามีแยกออกมาเป็นอะไรอีก 9 อย่างในบรมศาตร์ ผมก็กราบไหว้องค์ดำแสนศิริจันทรา แต่มันมีเรื่องเปื้อนเข้ามาเยอะ เรื่องใส่ฟอร์มแบบองค์ดำ องค์เจ้าปู่ศรีสุทโทบ้าง จนทำให้รู้สึกว่ามันเสียไปทั้งหมด ของจริงมันก็มี แต่ของปลอมมันเยอะกว่า จนมันดูตลก สมมติถ้าคุณมานั่งดูกระดาน แล้วชีวิตจะดีขึ้นหรือ ผมบอกเลยว่าเปล่า ถ้าตราบใดที่คุณไม่อาบน้ำใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปทำงาน คุณก็ไม่ได้ดี ผมเป็นแค่ไกด์ไลน์ ว่าคุณไหว้อะไรแล้วดี บางคนไม่ต้องไหว้ แค่ดูแลพอแม่ยังดีเลย มันเป็นอะไรที่คุณไม่ต้องทำบุญร้อยวัด ถึงจะขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ชั้นสัมมาสัมพุทธเจ้าผมว่าไม่ใช่

สุดท้ายแล้วอยากให้ฝากหน่อยว่าวงการโหรมันมีเสน่ห์ยังไง

คือกำลังใจจากครูบาอาจารย์ที่เป็นคนดีจริงๆ ซึ่งจะบอกเรื่องราวต่างๆ ว่าคุณควรแก้ไขแบบไหนตรงจุด และคนที่ได้รับฟังจากอาจารย์มันไม่ใช่ถดถอยมันเป็นการฟูในหัวใจ บางคนที่เคยคุยกับผมมีคนอยากฆ่าตัวตายนะ แต่พอได้คุยกับผมกำลังใจมันมาเป็นหนี้ 13 ล้านหมดภายใน 1 ปี จับจิ๊กซอว์ให้มันถูก ผมรักการดูดวงดาวและชอบศึกษาเรื่องตัวเลข แล้วมันมีเสน่ห์ทำให้รู้สึกว่าอยู่ตรงนั้นแล้วมีสมาธิมีความสุข ทั้งที่ยืนอยู่คนเดียวเลยนะ แล้วดาวที่แต่ละคนดูคนละสายตาคนละสัมผัส ผมชอบมาก เวลาผมเครียดอะไรซักอย่าง ผมไม่มีแพชชั่นผมก็ออกไปนั่งดูดาว เพราะบ้านผมสามารถนั่งดูได้ ดื่มน้ำดูดาวจนรู้สึกคลายเครียด 4-5 ทุ่มก็เข้าไปสวดมนต์ ตื่นเช้ามามันก็สดชื่นเลยรู้สึกมีความสุข ผมชอบนั่นแหละครับเอาง่ายๆ

จากใจลูกศิษย์คนสนิท

วรรณษา ทองวิเศษ

“ษานับถืออาจารย์ในเรื่องของการเปิดกระดานดูเลขดวงค่ะ ที่บ้านจะให้อาจารย์เปิดดวง ในช่วงหลังปีใหม่ เปิดมา 2 ปีแล้วค่ะ ที่ผ่านมาอาจารย์จะคอยเตือนคอยบอกอยู่ตลอดว่า ช่วงไหนจะมีอุปสรรค ติดขัดในเรื่องอะไร อาจารย์ก็จะให้ไปแก้ไข ล่าสุดก็ไปอาบน้ำมนต์ ไปไหว้พระราหู เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ติดขัด ที่บ้านจะเคารพอาจารย์เป็นอย่างมากค่ะ แต่อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนนะคะ แต่สำหรับษาถ้าในเรื่องของการขจัดปัดเป่า ษาเชื่ออาจารย์วินไทค่ะ”

อาท รณชัย                  

“รู้จักอาจารย์วินไทมาประมาณ 2 ปีครับ สิ่งที่ประทับใจคือ อาจารย์เป็นคนกันเองง่ายๆ ตรงไปตรงมา พูดตรงๆ บอกตรงๆ ถ้าถึงคราวจำเป็นที่จะต้องเตือนลูกศิษย์ และจะคอยสอบถามตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง และอาจารย์ก็จะแนะนำว่า ช่วงนี้ควรไปไหว้อะไร ควรไปที่ไหน และควรระวังอะไร อาจารย์จะคอยบอกก่อนล่วงหน้าเสมอ อาจารย์จะพูดเสมอว่า อย่าไปเชื่อออะไรง่ายๆ อย่างมงาย และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกถึงอาจารย์คือความรักครอบครัวของอาจารย์ และอาจารย์ก็จะรักและเป็นห่วงลูกศิษย์ทุกคนเสมอครับ”