เรียกได้ว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ได้อย่างละมุน และกลมกล่อมสุดๆ สำหรับหนังรักรูปแบบใหม่ “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” ที่เกิดจาก CEO สาวคนเก่ง โบว์-กัญธนัช กิตติถิรธรรม “ผู้อำนวยการสร้าง” ค่ายหนังน้องใหม่ “ดราก้อนฟิล์ม” กับคนรุ่นใหม่ไอเดียเก๋ๆ นีโน่-รัฐบาล พรหมสาขา ณ สกลนคร Executive Producer และผู้กำกับฯ รุ่นเดอะ เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ผู้กำกับฯ ที่เคยฝากฝีมือไว้กับหนังรักในตำนานอย่าง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” และเมื่อทั้งสามมาผนึกกำลัง เพื่อสร้างหนังรักรูปแบบใหม่ โดยชูคอนเซ็ปท์ “หนังรักของคนที่ไม่อยากมีความรัก” และ “หนังรักของคนที่ไม่เข้าใจความรัก” ซึ่งได้รับการคั่วจนกลมกล่อม และเคี่ยวจนได้ที่พร้อมเสิร์ฟให้ชม 7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์


“แต่ละมื้อ แต่ละเดย์ของ โอ (เมเบิ้ล สิริวลี) ผ่านได้ด้วยความน่าเบื่อหน่าย และยิ่งวันนี้มันยิ่งร้ายจนเธอโดนไล่ออกจากงาน แถมความสัมพันธ์คลุมเครือระหว่างเธอกับ เบนซ์ (นิว ฐิติภูมิ) ยิ่งผลักให้สาวหวานน้อย ต้องหนีไปสุดหล้าฟ้า ไกล จากราชบุรี มาถึงเชียงราย ชีวิตเธอนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ในฐานะผู้ช่วยจัดงานอีเวนท์ศิลปะ เพื่อซัพพอร์ต ทัด (โน่ ภูวเนตร) ศิลปินอาร์ตทอยชื่อดัง กับตัวซีเครท ที่เขาได้มอบให้กับ โอ กลายเป็นปัญหาที่นำพาความว้าวุ่นหัวใจให้กับเธอ รวมไปถึงเบนซ์ ที่ดั้นด้นออกเดินทาง เพื่อทวงถามความหมายของรักแท้กับ โอ หากชีวิตเป็นดั่งกาแฟ ความรักของโอก็คงไม่ต่างกับ เอสเปรสโซหวานน้อย แต่หอมกรุ่นด้วยความผูกพัน”

เส้นเรื่องของ “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” ที่ชูคอนเซ็ปต์ หนังรักของคนที่ไม่อยากมีความรัก และเป็นหนังรักของคนที่ไม่เข้าใจความรัก โดย โบว์-กัญธนัช ขยายความในเรื่องนี้ว่า


“มันก็จะเป็นเหมือนคนในยุคนี้ค่ะ บางทีเราเอง เรายังตามหาตัวตนของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก บางคนมีความรักที่ดีอยู่แล้วแต่ก็ยังโหยหา อยากจะหาสิ่งที่มันดีที่สุด เลยลืมมองสิ่งรอบข้างของตัวเอง สิ่งดีๆ รอบข้างของตัวเอง มันก็เลยทําให้ทุกอย่างเกิดการมองข้าม แล้วเราก็จะไปขวนขวายหาสิ่งที่มันไกลๆ ทำไม แต่สุดท้ายแล้ว ความสุขมันอาจจะอยู่รอบตัวเราก็ได้นะคะ แต่เราอาจจะมองไม่เห็น แล้วก็ในส่วนของคนที่ไม่อยากมีความรัก จริงๆ ต้องบอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม ความรักมันเกิดมาตั้งแต่เราลืมตาดูโลก เราก็ได้พบกับความรักแล้ว ดังนั้นอยากให้ทุกคนดูหนังเรื่องนี้ แล้วกลับไปมองหาให้เจอค่ะ ว่าจริงๆ แล้ว ทุกเช้าที่เราตื่นนอน เราได้ความรักมาตลอดอยู่แล้ว แต่เราอาจจะยังมองไม่เห็นก็เท่านั้นเองค่ะ”

“Endpresso ปณิธานหวานน้อย” ไม่ได้นำเสนอในเรื่องของ “ความรัก” เพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่อง “ศิลปะ” เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ที่สามารถเป็น Soft Power ให้กับประเทศไทย
“หนังเรื่องนี้ มีเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยว แล้วก็มีเรื่องของ ศิลปะ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะสื่อในลักษณะที่ ต้องบอกว่า ความรัก กับ การท่องเที่ยว และเรื่องของศิลปะ มันสามารถเชื่อมไปด้วยกันได้ ซึ่งความสนุกของหนังเรื่องนี้จะอยู่ในทุกๆ การเดินทางในเส้นทางของความรักด้วยค่ะ โดยสถานที่ที่เราเลือกไปถ่ายคือ ราชบุรี เชียงราย แล้วก็กรุงเทพฯ อย่างรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่บอกเล่าถึงวิถีคนเมือง ทุกจุดที่เราไปถ่ายสามารถเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศไทยได้หมด ทั้งเรื่องอัตลักษณ์เรื่องของอาหาร การใช้ชีวิต หรือการท่องเที่ยวต่างๆ เราสามารถสื่อตรงนี้ให้ชาวต่างชาติและคนทั่วประเทศได้เห็น และสามารถไปท่องเที่ยวตามรอยหนังนี้กันได้เลย”

ด้าน นีโน่-รัฐบาล ในฐานะ Executive Producer ก็เผยไอเดียเก๋ๆ ของหนังเรื่องนี้ในแบบของตัวเองว่า
“เราตกผลึกกัน 3 คน พี่โบว์ ผม พ่อ (เสนาเพชร) เราก็เลยได้โจทย์ขึ้นมาว่า เฮ้ย… เราอยากทําหนังรักของคนที่ไม่เข้าใจความรักดู เป็นหนังรักรูปแบบใหม่ คือ มันมีมุมมองที่ว่า ด้วยความที่คุณพ่อทําหนังมาบ่อยมาก และส่วนใหญ่จะเป็นหนังรักเกือบ 80% เลยมีความท้าทายกับพวกเราว่า อยากทําหนังรักที่มันไม่จําเป็นต้องจูบกัน หนังรักที่มันไม่จําเป็นต้องมีเลิฟซีน คือมีความรู้สึกว่า ความรักมันมีหลายองค์ประกอบ มันไม่ได้มีแค่ความโรแมนติกอย่างเดียว เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังรักที่จะถ่ายทอดองค์ประกอบอื่นๆ ของความรักบ้าง ที่มันไม่ใช่แค่การกุ๊กกิ๊ก หยอกๆ จีบกัน หรือหวานกัน เราใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบผสม ถ้าเกิดมองภาพรวมจริงๆ ก็คือเป็นคอมเมดี้โรแมนติก เพราะว่าเราให้เส้นเรื่องให้องค์ประกอบของการเดินทางเป็นตัวนําเรื่องไปครับ และเราก็พยายามพาคนดูไปรู้จักมุมมองของความรักว่า ความรักมันเปรียบเปรยกับอะไรได้บ้าง เช่น เปรียบเทียบความรักกับศิลปิน ความรักกับศิลปะ เพื่อที่ให้ตัวละครและคนดูค้นหาความหมายของความรัก”

ด้วยความเป็น “หนังรักรูปแบบใหม่” ความน่าสนใจต้องมากกว่าเรื่องของความรักแน่ๆ
“ในเรื่องของความน่าสนใจต้องพูดว่า หนึ่งคือ แปลกใหม่เนอะ แปลกใหม่ก็คือ เราพยายามปรุงสูตรหนังรักแบบใหม่ๆ ให้คนได้ชมกัน อย่างที่สองคือ ต้องพูดว่ามันเป็นหนังที่เหมือนพยายามจะสร้าง inspiration ให้กับคนดู คือเรื่องนี้ สิ่งที่คนดูต้องได้ แล้วเราตั้งใจอยากจะให้ คือ แรงบันดาลใจ ซึ่งจะมีในเรื่องของ ความรัก ในเรื่องของการงาน และในเรื่องของความฝัน เราพยายามจะถ่ายทอดมุมมองในเรื่องนี้ด้วย ก็อยากจะทําหนังที่คนดู ดูแล้ว มีแรงบันดาลใจ อยากจะทําสิ่งที่ดีต่อไปครับ”

ในฟากของผู้กำกับฯ ที่ถูกวางตัวมาตั้งแต่เริ่มโปรเจ็กต์ แถมมีดีกรีผู้กำกับฯ หนังรักในตำนานที่คนดูยังตราตรึงและจดจำเรื่องราวความรักในหนังเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับเรื่องนี้ เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ เผยถึงการทำงานกับคนรุ่นใหม่ว่า

“การทำงานในหนังเรื่องนี้สนุกมากครับ นักแสดงที่มาเล่นให้เราเรื่องนี้ เขาโชว์ฝีมือเต็มที่ ส่วน ลูกชาย เขาก็จะมีไอเดียใหม่ๆ มีการเล่าเรื่องที่รวดเร็ว มี Direction ของการเล่าภาพ เล่าซีน ซึ่งก็จะต่างจากการทำงานของเราในเมื่อก่อนที่เป็นแบบ Story Line แต่มันก็ทําให้เกิดความน่าสนใจในการดูสําหรับผู้ชม ที่รวดเร็วขึ้น มันก็โอเค.เลย แล้วก็ได้เจอพลังของนักแสดงรุ่นใหม่ด้วย เจอบรรยากาศในการถ่ายทำที่ทุกคนเต็มที่กันมาก ทีมงาน ช่างแต่งหน้า เสื้อผ้า ทีมประสานงาน มันมิกซ์กันได้ลงตัว มันมีความสนุกที่มันแบบ เออ…ไปไหนมาไหนก็มีแต่บรรยากาศเฮฮา เห็นเต้นติ๊กต่อกกันสนุกสนาน แล้วก็มีการ meeting การพูดคุย มันเหมือนกับเราย้ายบ้านไปเที่ยวกันเลย”

ในฐานะผู้กำกับฯ “เสนาเพชร” ยังชักชวนให้คนดูเข้ามาดูความสนุกของหนังเรื่องนี้ด้วย
“ผมอยากให้ไปดูชีวิตของคนสองคน ซึ่งเป็นต้นแบบของคนอีกหลายคนว่า คนที่กําลังต้องการหนีความรัก หรือไม่อยากมีความรัก แต่สุดท้ายตัวเองคือการวิ่งหนี หรือการวิ่งหาทางอ้อมหรือเปล่า ถามว่ามันจะมีฮา..กร๊าก…แบบภาพยนตร์คอมเมดี้มั้ย มันไม่ได้มิติขนาดนั้น เพราะว่าต่อมตลกของคน มันสตาร์ทไม่เท่ากัน บางทีจะมีจุดที่อมยิ้ม คนนี้หัวเราะ แต่ว่าบนไลน์ของความน่ารัก ความโรแมนติกในความสวยงามของซีนในนั้นมีครบ

ช่วงนี้หนังไทยกำลังบูมด้วย หนังผีก็เยอะ หนังบู๊ก็เยอะ หนังตลกก็เยอะ เราก็อยากจะฝากหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ สไตล์ที่ผมเคยทํา อยากให้มันอยู่ในใจของคนไทย อยู่ในใจของคนดูอีกสักเรื่องนึง ลองเข้าไปดูครับจะได้ช่วยกันสนับสนุนหนังไทยกันเยอะๆ ดูหนังตลกบ้าง หนังผีบ้าง หนังบู๊บ้าง แล้วก็แวะมาดูหนังรักของเราด้วยนะครับ”

เตรียมรับความกลมกล่อมกับทุกรสชาติใน “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” 7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์!