จางเจ๋ออวี่ (张泽禹) เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2007 เด็กน้อยผิวขาวใส ผมสีดำเข้มในวัย 10 ขวบในตอนนั้น จนถึงวันนี้เขาได้เติบโตเป็นศิลปินฝึกหัดที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ความสามารถอันล้นเหลือ และกำลังเดินทางตามความฝันของตัวเองอย่างแข็งขันเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ก่อนการเดบิวต์อย่างเป็นทางการจะมาถึง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับจางเจ๋ออวี่ให้มากกว่านี้กันดีกว่า!
‘จางเจ๋ออวี่’ หรือทุกคนสามารถเรียกเขาว่า ‘เสียวเป่า (น้องเป่า)’ ‘เป่าเหล่าซือ (จารย์เป่า)’ ‘ต้าอวี่ (ลูกพี่อวี่)’ หากย้อนกลับไปในปี 2017 ในวันที่รายการ Master Class รายการประกวดร้องเพลงสุดโด่งดังอันดับต้นๆ ของประเทศจีน นอกจากเสียงอันทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ของจางเจ๋ออวี่แล้ว ความกตัญญูของเขาก็เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในตอนนั้นจางเจ๋ออวี่ได้รับเชิญให้ครอบครัวของเขามาเยือนรายการพร้อมกับคุณปู่ทวดสุดที่รัก ด้วยการกระทำและการแสดงออกของจางเจ๋ออวี่ในวัยเพียงแค่ 10 ขวบ แต่สามารถปรนนิบัติดูแลเอาใจใส่คุณปู่ทวดของเขาเหนือสิ่งอื่นใด จากคำกล่าวของคุณปู่ทวดทำให้จางเจ๋ออวี่ได้รับคำชื่นชมมากมายทั้งจากสายตาและคำพูดของคนในห้องส่ง พร้อมกับบนโลกอินเตอร์เน็ตจนได้รับขนานนามว่า “เด็กที่ดีที่สุด” ณ เวลานั้นเลยทีเดียว
ซึ่งในเวลาต่อมาจางเจ๋ออวี่ก็ได้รับโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตเขามาโดยตลอด นั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ‘Time FengJun Entertainemnt’ (北京时代峰峻文化艺术发展有限公司) หรือ TF Entertainment แน่นอนว่าด้วยความสามารถอันล้นเหลือของเขา จึงได้มีผู้คนเล็งเห็นและได้พาเขาเข้ามาเป็นเด็กฝึกรุ่นที่ 3 ทำให้จางเจ๋ออวี่ต้องย้ายจากฮาร์บินบ้านเกิดในมณฑลมณฑลเฮยหลงเจียงมาอยู่ที่ฉงชิ่งซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของค่ายเพลง ต้องเล่าความก่อนว่า TF Entertainment ก่อตั้งเมื่อปี 2009 เป็นอีกหนึ่งค่ายเพลงอันโด่งดังที่คอยพัฒนาและต่อยอดเด็กฝึกให้เป็นศิลปินที่มีคุณภาพมาแล้วมากมาย อาทิเช่น TFBOYS, TNT (หรือที่เรียกว่า Teens in Times 时代少年团) จนได้เป็นที่ยอมรับและเป็นดั่งเป้าหมายของคนจีนรุ่นใหม่ไฟแรงได้เป็นอย่างดี ซึ่งในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา TF Entertainment ได้ปล่อยเบื้องหลังและเวทีของการเป็นเด็กฝึกรุ่นที่ 3 ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นว่าจางเจ๋ออวี่มีความพยายามมากเพียงใด ในตอนแรกของการเป็นเด็กฝึกเขาต้องพบเจอกับขีดจำกัดของตัวเองมากมาย ทั้งเรื่องการเรียนหนังสือ การปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมรุ่น ทักษะด้านการร้องเพลงหรือการเต้น จนกระทั่งมีคำพูดหนึ่งที่ตราตึงใจเหล่าแฟนคลับมาโดยตลอด “คนอื่นเขาไม่ดูหรอกครับว่าซ้อมยังไงทำยังไง เขาดูแค่ผลลัพธ์” จะเห็นได้ว่าแนวความคิดของจางเจ๋ออวี่ที่มีอายุเพียง 11-12 ปีในตอนนั้นเป็นคนที่มองโลกแห่งความจริงอย่างไรบ้าง เขาเลือกที่จะยอมรับในความผิดพลาดและเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดฝึกซ้อม
จนกระทั่งในเวลาต่อมาจางเจ๋ออวี่ ได้ถูกยอมรับจากเพื่อนร่วมทีม ครูฝึกและคนอื่นๆ ว่าเขาเป็น “เด็กที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถที่ดีที่สุด” ผู้คนและเหล่าแฟนคลับให้การยอมรับในความสามารถและสนับสนุนเขาอย่างกว้างขวางจนได้ถูกคัดเลือกขึ้นมาเป็นอันที่ 2 เข้าร่วมโปรเจกต์ 登陆计划-TransFormProject หนึ่งในเด็กฝึกที่รอเดบิวต์มาจนถึงตอนนี้ แต่นอกจากความสามารถเรื่องของการร้องเพลงแล้ว จางเจ๋ออวี่ที่ยังหลงใหลในด้านดนตรีอย่างสุดโต่ง เพราะเขาสามารถเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอนว่าคนรักดนตรีอย่างเขาก็เคยกล่าวไว้ในรายการหนึ่งในเรื่องของความฝันเอาไว้ว่า “ถ้าเกิดตัวผมเองไม่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินก็จะไปเป็นครูสอนกีต้าร์ไฟฟ้าครับ”
เส้นทางการเป็นศิลปินของจางเจ๋ออวี่ได้เป็นแรงผลักดันให้กับผู้คนมากมาย รวมถึง ‘เพื่อนที่ดี’ คำที่จางเจ๋ออวี่ใช้เรียกแฟนคลับของเขามาโดยตลอด จากเด็กชายวัย 10 ขวบที่เดินตามความฝันอย่างไม่หยุดพัก อาจไม่ใช่เพราะด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะทัศนคติที่ดีงามของจางเจ๋ออวี่ตั้งแต่เด็กตัวน้อยจนถึงตอนนี้ในวัย 17 ปี ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คอยผลักดันให้เขาผ่านอุปสรรคมากมายจนทำให้มายืนอยู่ในจุดนี้ได้ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ‘ทำไมทัศนคติหรือความคิดของคนๆ หนึ่งสามารถทำให้เขาประสบความสำเร็จได้เชียวหรือ?’ ทัศนคติคือความคิดหรือสิ่งที่ตนเองเชื่อ ซึ่งความคิดของจางเจ๋ออวี่ได้ถูกเผยแพร่ผ่านตัวตนของเขามาโดยตลอด
แต่ที่เห็นได้ชัดคือการถูกถ่ายทอดออกมาผ่านจดหมายที่เขาได้ลงมือเขียนให้กับตัวเองที่จะเดบิวต์ในปีนี้ไว้ว่า “นายในปี 2024 ยังทำสเตจออกมาเพื่อเพื่อนที่ดีให้ดีกว่าเดิมอยู่หรือเปล่า” ประโยคนี้ทำให้จางเจ๋ออวี่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่ใส่ใจแฟนๆ ของเขาได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงกับการตั้งคำถามมากมายให้กับตัวเขาเองในปี 2024 ถึงวิถีการใช้ชีวิตและพัฒนาการของตัวเอง “นายผ่านอุปสรรคต่างๆ ที่เป็นเหมือนรวดหนามมาได้หรือไม่? ถ้าคำตอบคือใช่ก็ต้องขอบคุณตัวเองด้วยนะ เมื่อไหร่ที่รู้สึกถึงความสุขก็ต้องรับรู้ถึงความทุกข์ไปด้วย” ทัศนคติด้านบวกที่ถูกส่งตรงมานั่นทำให้รับรู้ว่าจางเจ๋ออวี่คนนี้จะสามารถเติบโตมาเป็นศิลปินที่ดีที่สุดได้อย่างแน่นอน
การที่ผู้คนมากมายเลือกสนับสนุนจางเจ๋ออวี่มาอย่างยาวนานตลอด 7 ปีนั่น อาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกรักและได้เข้าใจถึงลักษณะนิสัยและความคิดของจางเจ๋ออวี่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า การเดินตามความฝัน การรักตัวเองให้มากๆ หรือแม้แต่การรักบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง เขาพูดกับทุกๆ คนเสมอว่าอยากกลับบ้านไปหาครอบครัว กลับไปหาคุณแม่ที่เขารักสุดหัวใจ จางเจ๋ออวี่พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้คุณแม่ของเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยคำสัญญาที่ว่า “ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนเลี้ยงคุณแม่เองครับ!” เรียกได้ว่าความรักอันมากล้นของจางเจ๋ออวี่ถูกส่งไปถึงแฟนๆ ของเขาได้ด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ในปัจจุบันจางเจ๋ออวี่จะยังไม่เดบิวต์ แต่อีกภายในไม่กี่เดือนจนถึงฤดูร้อนของประเทศจีนก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญของไฟนอลซีซั่นในการสร้างกลุ่มเดบิวต์รุ่นใหม่ประจำค่ายเพลง TF Entertainment แล้ว เพียงไม่กี่อึดใจเราก็จะได้เห็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพของจางเจ๋ออวี่ทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่อัดแน่นไปด้วยความรักและความสามารถของเขา จนถึงตอนนี้จางเจ๋ออวี่ในฐานะเด็กฝึกรุ่นที่ 3 ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้แม้จะเหน็ดเหนื่อเพียงใดก็ตาม หากใครได้อ่านบทความมาจนถึงบรรทัดนี้ หวังว่าจะมีโอกาสได้เป็น ‘เพื่อนที่ดี’ คนใหม่ และเริ่มรู้จักตัวตนที่แท้จริงของจางเจ๋ออวี่มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของจางเจ๋ออวี่ได้ที่ twitter.com/zhangzeyuth เชื่อว่านอกจากพลังบวกที่จะได้รับจากเขาแล้ว ในอีกไม่ช้าพวกคุณจะหลงรักจางเจ๋ออวี่อย่างแน่นอน