“Find Yourself หารักด้วยใจเธอ” ซีรีส์ฟิลกู๊ด กำลังออกอากาศทุกคืนวันจันทร์และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง GMM25 เป็นซีรีส์รีเมคจากประเทศจีน และมีความยาวถึง 41EP ทำเอาผู้กำกับฯ ซีรีส์เรื่องนี้อย่าง เขตต์ ฐานทัพ ถึงกับออกปากว่าไม่ใช่เรื่องง่าย!!! แต่ก็เป็นเรื่องของความท้าทายด้านการกำกับการแสดงอย่างหนึ่ง เขตต์ เล่าว่าในเวอร์ชั่นจีนนั้นสนุกและน่ารักมาก เขาจึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อทำซีรีส์เรื่องนี้จากต้นฉบับ 41EP ให้เหลือเพียง 16EP เท่านั้น!!!

 “Find Yourself หารักด้วยใจเธอ” เป็นโปรเจกต์ซีรีส์สุดน่ารัก จากความร่วมมือของGMMTV และ Insight Entertainment บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านวงการบันเทิงไทย-จีน โดยจับมือกันหยิบซีรีส์สุดฮอตจากประเทศจีน Find Yourself มารีเมคเป็นเวอร์ชั่นไทย โดยจับสองนักแสดงมากฝีมือ แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ มาประกบคู่ครั้งแรกกับนักแสดงหนุ่มรุ่นน้อง นน-ชานน สันตินธรกุล หรือ นนกุล โดย ณ เวลานั้น เรียกได้ว่าเป็น “เคมีใหม่” ที่กลายเป็น “คู่ฮอต” ที่สุดในเวลานี้!!!

เขตต์ ฐานทัพ นั่งเก้าอี้กำกับฯ ร่วมกับ เพชร วรายุ ผู้กำกับฯ ที่เคยร่วมงานกันในซีรีส์สายดาร์กอย่าง “เล่ห์แค้น” (The Revenge) ผลิตในนามกองทัพโปรดักชั่น ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และร้องว้าวว….ไปกับความแตกต่างจากซีรีส์เรื่องอื่นๆ กันอย่างสุดพลัง!!!

แน่นอนว่าฝีมือของสองผู้กำกับฯ นี้ ไม่ธรรมดา เมื่อเขาสองคนโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง!!! ความครบรสของซีรีส์เรื่องนี้ คุณภาพต้องคับแก้วอย่างที่สุด!!! เรามีโอกาสได้พูดคุยแบบเปิดใจกับ เขตต์ ฐานทัพ ซึ่งเขามีเรื่องราวบอกเล่าถึงการทำงาน และการเดินทางของซีรีส์ รวมทั้งนักแสดงนำที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้

@โปรเจกต์นี้เริ่มต้นมาจากไหน

เริ่มมาจากผมได้รับโจทย์ซีรีส์รีเมคของจีน พอได้รับโจทย์มา ผมก็มาทำการบ้าน ดูซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งความยาวถึง 41EP เป็นซีรีส์ที่น่ารักมาก มีความจิ้นสูง พระนางทำหน้าที่และเคมีดี สำหรับ find yourself เวอร์ชั่นจีน ซึ่งผมว่าเป็นจุดแข็งของเขา ในการตีความของผม เพราะฉะนั้นโจทย์ในการทำรีเมคเวอร์ชั่นไทยคือ เคมีพระนางต้องดี นั่นคือการบ้านอย่างแรกที่ต้องทำงานหนัก สอง คือ ซีรีส์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นจีนมีทั้งหมด 41EP เราต้องทำให้เหลือ16EP ซึ่งเป็นงานหนักของเราเหมือนกัน ถือเป็นโอกาสที่ดีครับที่ได้มากำกับเรื่องนี้ ร่วมกับ พี่เพชร – วรายุ ที่เคยร่วมงานกันมาก่อน พอได้มาทำเรื่องนี้ด้วยกัน ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ

@ทำการบ้านหนักขนาดไหน

เราต้องปรึกษากันว่าออริจินอลเขาเป็นยังไง เรื่องเดิมเขาเป็นยังไง คือเรื่องเดิมอย่างที่บอกว่า จุดแข็งของพระนางดีมาก พระนางทำหน้าที่เป็นหลีดของเรื่องได้อย่างอยู่หมัด พอเราได้รับโจทย์นี้มา เราก็เลยต้องดูว่าของเดิมจาก 41EP ให้เหลือ 16EP และเล่าให้เข้ากับวัฒนธรรมคนไทย คือของจีนก็จะประมาณว่า อยู่คอนโด เลี้ยงสุนัข ไปสวนสาธารณะ เรายังมีฉากแบบนั้นอยู่ที่มันจำเป็นต้องอยู่ในเส้นเรื่อง ซึ่งมีความสำคัญกับเรื่อง เราก็ต้องจัดให้เข้ากับคนไทย นั่นคือโจทย์อีกอย่าง ต่อมาก็เป็นเรื่องของทีมเขียนบท ซึ่งเราก็ระดมทีมที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรื่องนี้มาเขียนบทครับ

@เนื้อหาของเรื่องนี้เป็นอย่างไร

Find Yourself หารักด้วยใจเธอ” เป็นเรื่องราวของความรักที่เป็นเรื่องของหัวใจ บางครั้งมันไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลกับคนที่ใช่ เหตุผลมันไม่มีความจำเป็นกับตัวละครทุกตัว ความรักมันไม่สามารถจะออกแบบหรือกำหนดอะไรได้ ความรักมันจะออกแบบของมันเอง เพียงคุณแค่เชื่อเรื่องในความรัก นี่คือเรื่องราวของ find yourself ในแบบผม

@มันเป็นเรื่องความรักของคนต่างวัย ถ้ามองภาพจากนักแสดงนำ

เราก็กำลังจะบอกว่าทำไมต้องมีกฎล่ะ ทำไมต้องไปสร้างบรรทัดฐาน แล้วผู้ชายที่อายุน้อยกว่าผู้หญิง 10-20 ปี คือไม่ผิดนะ คือผมว่าในนี้ มันตอบโจทย์หนึ่งอย่างคือเราอยู่ในยุคเท่าเทียมแล้ว ชายหญิงไม่แตกต่าง เพราะฉะนั้นความรักไม่ใช่เรื่องแตกต่างสำหรับผม

บางทีเราให้เหตุผลกับความรักไม่ได้หรอกเหมือนกับรักแรกพบ เรายังไม่รู้จักเขาเลย แต่ทำไมเกิดรักแรกพบได้ มันขึ้นอยู่กับว่า คนเรามีมุมมองความรักเป็นแบบไหน แต่ถ้าคุณจะรักด้วยหัวใจมันไม่ต้องมีเหตุผลสิ!!!

@มีส่วนร่วมในการคัดเลือกนักแสดงบ้างหรือเปล่า

จริงๆ ต้องบอกว่าทางเค้าเป็นคนเลือกนักแสดงมา แต่โชคดีคือเรามีโอกาสร่วมงานกับ นน จาก เล่ห์แค้น อยู่แล้ว ทำให้รู้ขั้นตอนการทำงานของ นน แต่กับ แอฟ มันเป็นเรื่องแรกที่เราได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน เราก็จะเห็นภาพ แอฟ ในแบบที่ทุกคนรู้จักก็คือเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ แต่เราไม่รู้ว่าการทำงานร่วมกับแอฟ มันเป็นยังไง อันนี้ก็ต้องทำการบ้านเพิ่มเติมเหมือนกัน เราก็เลยมีความคิดว่า จ๊อบแรกมันต้องมีการเวิร์คช็อป อย่างเช่นนักแสดงรุ่นใหญ่ๆ แบบ แอฟ กับ นน เราก็ต้องมีการเวิร์กชอป เพื่อปรับบางสิ่งบางอย่างให้มันไปในทางที่เป็นไปได้กับซีรีส์เรื่องนี้

@หลังจากออกอากาศไปแล้ว ฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง

ต้องบอกว่าขอบคุณครับ ขอบคุณแฟนคลับของ แอฟ และ นน และตอนนี้อาจจะเป็นแฟนคลับของ find yourself ไปแล้ว อันนี้คือไม่ได้ฟีดแบ็กจากตัวเอง แต่ถ้าเช็กในออนไลน์ ก็จะรู้ว่าค่อนข้างมีกระแสมาก ล่าสุดคือที่ไปออก รายการแฉ ของ คุณมดดำ ยอดวิวในจีนคือ 6,800 ล้านวิว และมีคนเสิร์ชหา 16,800 ล้านครั้ง เพราะซีรีส์เรื่องนี้ฉายพร้อมกับประเทศจีน

@คือตอนนี้ไม่ใช่แค่กระแสซีรีส์แล้ว แต่เป็นกระแสคู่รักด้วย คิดว่าได้กระแสมาจากตรงนี้ด้วยมั้ย

คิดว่าก็มีส่วนนะครับ ยอมรับว่าอาจจะใช่ กระแส นน-แอฟ มาแรง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้การตอบรับที่ดี ถ้าในฐานะผู้กำกับซีรีส์ ผมมองว่าเป็นซีรีส์ที่น่ารักในความตั้งใจของผมและทีมงาน ก็อยากให้ทุกคนมีความสุขกับซีรีส์เรื่องนี้ครับ

@การกระแสคู่จิ้นในจอ ตอนนี้กลายเป็น นอกจอ ไปแล้ว มองตรงนี้อย่างไรบ้าง

ยินดีกับทั้งคู่ด้วยครับ ปกติผมก็โนคอมเม้น ผมไม่ได้โฟกัสอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ใช่เรื่องงาน แต่ทั้งคู่เป็นน้องที่น่ารัก เป็นนักแสดงที่มีวินัยดีมากๆ แล้วก็มากด้วยความสามารถ เราก็รู้สึกว่ายินดีและรู้สึกเป็นเกียรติ เราเห็นทั้งสองคนแฮปปี้ มีความสุขเราก็ยินดีด้วย

@เคยเห็นโมเม้นท์หวานๆ ในกองมั้ยเวลาทั้งคู่เล่นด้วยกัน

จริงๆ ไม่ค่อยเห็น แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าเค้าคือ นนกับแอฟ ในความรู้สึกเรา เค้าคือ เชน กับ หยิน ตัวละครในเรื่อง

@ร่วมงานกับ แอฟ ครั้งแรก ต้องจูนกันนานมั้ยในบท หยิน

แอฟไม่เคยเล่นคอมเมดี้มาก่อน ตัวแอฟ ในจังหวะการพูด การเดิน เค้าจะเป็นคน ช้าๆ แต่ในความเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ แอฟเค้าก็ต้องปรับตัว บางทีเราก็จะแบบ “แอฟ เร่งให้พี่หน่อยนะ” คือเหมือนกับต้องขยับทำอะไรเร็วมากขึ้น พูดเร็วขึ้น ต้องกระตุ้นกันก่อนจะถ่ายทำ เพราะซีนครอบครัว มันค่อนข้างจะโบ๊ะบ๊ะ มีความเป็นครอบครัวสูง ซึ่งซีนนี้มันเกิดจากการละลายพฤติกรรมกันก่อนที่จะถ่าย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ นักแสดงจะค่อยๆ ปรับ

แต่ครอบครัวของ หยิน (แอฟ) ในดีไซน์ของผมคือ ไม่ต้องการครอบครัวที่เป็นแพทเทิร์น เราต้องการครอบครัวที่เป็นเรียล อย่างที่เคยคุยกับ แอฟ อันนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เป็นชาเลนจ์เค้า เค้าก็อยากทำอะไรที่มันเร็วๆ บ้าง เป็นคอมเมดี้บ้างเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แอฟเล่นแนวนี้ แอฟจะออกตัวว่าไม่เคยเล่นคอมเมดี้ แต่อันนี้คือคอมเมดี้ ซึ่งแฟนๆ ซีรีส์ก็จะเห็นว่า แอฟเล่นคอมเมดี้ได้น่ารักมากๆ

@ความยากที่ได้เจอกับการทำงานเรื่องนี้

ความยากคือช่วงโควิด นักแสดงก็ติดกันแบบสลับกันเป็น แต่ก็แก้ปัญหา เราก็ผ่านไปได้ แต่บรรยากาศในกองก็แล้วแต่ สไตล์ผม ผมชอบให้การทำงานมีความสุข ผมรู้ว่างานกองถ่ายเป็นงานที่เหนื่อย แต่ถ้าเราทำงานด้วยความสุข มันทำให้บรรยากาศกองดี บรรยากาศกองดี นักแสดงก็แฮปปี้ที่ได้ทำงาน อย่างผมที่เป็นนักแสดงมาก่อน คือนักแสดงอยู่หน้าบ้าน คนจะมองก็มองที่หน้าบ้าน ถ้าบ้านเราสะอาดสวยงาม มันก็น่ามอง สิ่งหนึ่งก็คืออยากให้นักแสดงที่ทำงานกับผมมีความสุข ทุกคน อยากมาทำงาน เราก็จะได้งานที่ดี ผมคิดแบบนั้น นี่คือวิธีการทำงานกับเราครับ

@มีการแชร์ไอเดียกับนักแสดงในการทำงานบ้างมั้ย

นน เป็นคนทำการบ้านหนัก เป็นนักแสดงที่ผมประทับใจ นน จะทำการบ้านมาเลย 2-3 แผ่นแล้วมานั่งคุยกันว่า ”พี่แบบนี้มั้ย” ผมคิดว่าอย่างนี้มันใช่มั้ย เราก็จะคุยกันก่อน แม้ตอนถ่ายทำเอง นน ก็จะมี input อะไรใหม่ๆ แม้กระทั่งผมเอง ผมทำงานมานานในวงการ แต่ผมก็ปรับตัวทำงานให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ๆ คนรุ่นใหม่มีความคิดมีไอเดียสร้างสรรค์ และมีสิ่งที่อยากจะเป็น เพราะฉะนั้นมันเกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นบ่อยๆ กับงานของผม ผมรู้สึกว่าผมต้องการ input จากนักแสดงเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าวันหนึ่งที่นักแสดงเข้าถึงบทบาทของตัวละคร เค้าก็จะเป็นตัวละครนั้นจริงๆ อันนี้ผมคิดในฐานะนักแสดงที่ต้องเป็นมืออาชีพนะ ซึ่งนักแสดงหลายๆ คนในเรื่องนี้ เป็น มันเลยรู้สึกว่าเราแชร์อะไรหลายๆ อย่างตลอดเวลา เค้าคิดว่าถ้า เชน (นนกุล) อยากเป็นแบบนี้ อยากพูดแบบนี้ ลองทำได้เลย ผมให้โอกาส ซึ่งมันก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร จริงๆ เราอยากให้เค้าเป็นตัวละครมากกว่าให้เราเป็นตัวละคร ในฐานะนักแสดง

@มีการแบ่งงานกับผู้กำกับฯ อีกท่านอย่างไร

พี่เพชรอยู่หน้าเซท ถึงผมจะมีประสบการณ์การในวงการบันเทิงมากกว่าพี่เพชร แต่พี่เพชรก็มีประสบการณ์การกำกับมากกว่าผม เราแบ่งหน้าที่กัน เกี่ยวกับเทคนิค มุมภาพ พี่เพชรก็จะเป็นคนวาง ผมด้วยความเป็นนักแสดงมานาน ผมพอจะรู้ว่านักแสดงต้องการอะไร สะดวกทำหรือไม่สะดวกที่จะทำอะไร แล้วมันคือเรื่องของอารมณ์และคาแรกเตอร์ ซึ่งผมจะเป็นคนทำครับ

@มีการแชร์ไอเดียในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

ก็มีหลายๆ คนถามว่า ผู้กำกับฯ 2 คนไม่ทะเลาะกันเหรอ แต่จริงๆ แล้วเรามีความ conformity กันสูงมาก ถามว่าเราเคยร่วมงานกันใน เล่ห์แค้น ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว เราก็มีความคล้ายกันหลายด้าน และเราเคารพกันและกัน ให้เกียรติกัน คือมันไม่มีซ้ายสุดขวาสุด ผมมองว่าอันนี้คือทีม

@นอกจากการนำเสนอในเรื่องของความรัก ซีรีส์เรื่องนี้ยังนำเสนอในมุมใดอีกบ้าง

เรื่องครอบครัวครับ สถาบันครอบครัวถือว่าค่อนข้างแข็งแรง ยกตัวอย่าง หยิน-หยาง สองพี่น้อง สถาบันครอบครัวอบอุ่น มันทำให้เค้ามีอิสระด้านความรัก มันหล่อหลอมให้เค้า 2 คนมีมุมมองความรักที่แตกต่างออกไป

@จากภาพรวมของซีรีส์จบแบบ Happy Ending

จริงแล้วๆ ถ้าสูตรของมันเลยคือ Happy Ending แต่ด้วยความเป็นเรา เราก็อยากให้ระหว่างทางมันประคอง 16EP มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น รีเมคก็จริง แต่เราก็มีอิสระพอสมควรที่จะปรับอะไรบางอย่างกันได้ เค้าโครงเรื่องยังเหมือนเดิม แต่องค์ประกอบอื่นๆ มันถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับคนดูและตัวละคร เพราะผมจะคิดถึงคนดูเป็นหลัก

ผมได้รับการสั่งสอนจาก คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) ท่านถามผมว่า “เธอเล่นละครให้ใครดู” ผมตอบ “เล่นให้คนดูครับ” ท่านก็บอกว่า “เพราะฉะนั้น เธอต้องแคร์คนดูมากกว่าตัวเอง” เช่นกันในเมื่อคุณทำละคร ทำซีรีส์ คุณต้องทำให้คนดูรู้สึกอย่างไรกับซีรีส์เรื่องนี้ อยากให้รู้สึกยังไง มีความสุขใช่มั้ย มีรสชาติ อาจจะมีหวาน เปรี้ยว ขม แต่มันครบทุกรส ให้เค้าได้รับรู้ถึงรสชาติความสนุกที่คุณทำ

@เป็นสิ่งที่อยากบอกกับคนดูในซีรีส์เรื่องนี้

ใช่ครับ มันคือความตั้งใจ ผมชอบลักษณะการทำงานในการที่แบบ เราเข้าไปนั่งเป็นคนดู และคิดว่าคนดูอยากดูอะไร ผมไม่ได้บอกว่าถูก 100% หรือถูกใจใครหลายๆ คน เหมือนทำอาหารบางคนเค้าชอบกินเปรี้ยว กินเผ็ด กินหวาน เราอยากให้คนทานแล้วมันอร่อย แล้วเราจะปรุงยังไงให้กลมกล่อม อันนี้ก็ไม่มีสูตร ผมมีหน้าที่เหมือนเป็นเชฟครับ

@ท้ายสุดอยากบอกอะไรกับคนดูซีรีส์เรื่องนี้

อยากจะบอกว่าใครที่หาซีรีส์ที่ดูแล้วยิ้มตาม รู้สึกมีความสุขในช่วงปลายปีแบบนี้ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เรื่องนี้น่าจะมอบความสุขกับใครหลายๆ คนที่ได้ดู อยากจะฝากไว้ด้วยว่าเป็นอีกหนึ่งผลงาน ทั้งผม พี่เพชร และทีมงานตั้งใจทำงานให้ออกมาดีที่สุด แล้วก็ขอบคุณกระแสตอบรับที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายไปมาก รู้สึกภูมิใจมากๆ ครับ