ใช้ชีวิตแบบอีโคไลฟ์มากว่า 15 ปีแล้วสำหรับ ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และ นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา คู่รักสายกรีนคู่นี้นอกจากจะมีบทบาทเป็นนักแสดงแล้ว ปัจจุบันยังผันตัวไปเป็นนักธุรกิจเพื่อสังคม เปิดบริษัท คิดคิด จำกัด ที่ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมแก่องค์กร และยังเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ECOLIFE ที่ช่วยรณรงค์ให้คนใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น การปฏิเสธการใช้พลาสติก การแยกขยะ
ที่ผ่านมา ท็อป-นุ่น มักจะมีโปรเจ็คดี ๆ ออกมาดูแลสิ่งแวดล้อมอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดก็ได้ครีเอตแคมเปญรักษ์โลกที่ชื่อว่า REact For Change ลองเปลี่ยนโลก โดยมีพันธมิตรหัวใจสีเขียวมาร่วมมือด้วยถึง 3 ราย คือ TikTok แพลตฟอร์มสุดฮิตที่ครองใจคนทุกเพศทุกวัย กรุงเทพมหานคร ที่ดูแลโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ดูแลโครงการโรงเรียน Eco-School
แคมเปญนี้จะชวนเด็กและเยาวชนจากโรงเรียนในเครือข่าย มาสร้างสรรค์คอนเทนต์ภายใต้เนื้อหา 3 RE Challenge ที่ประกอบด้วย Refill : ชวนพก กระบอกน้ำ กล่องข้าว ชวนเติมเพื่อลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง Recheck : เช็คการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมง่าย ๆ ทำได้อย่างไรบ้าง Recycle : ชวนแยกขยะประเภทต่าง ๆ แยกอย่างไร ขยะไปไหนต่อ โดยนำคอนเทนต์มานำเสนอผ่านช่อง TikTok
แคมเปญนี้เป็นหนึ่งในความหวังของ ท็อป พิพัฒน์ ที่อยากเห็นการรวมพลังของเด็กและเยาวชนที่จะลุกขึ้นมาดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งท็อปกล่าวว่า แคมเปญ REact For Change ลองเปลี่ยนโลก จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพกกระบอกน้ำเพื่อลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การแยกขยะเพื่อรีไซเคิล หรือการหยุดคิดสักนิดว่าการใช้ชีวิตของเรามีตรงไหนที่จะทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อีกบ้าง และเมื่อทุกคนดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว คุณครูหรือเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการ สามารถเข้ามากรอกรายละเอียดการแยกขยะในแต่ละเดือนลงเว็บไซต์ ECOLIFE เพื่อติดตามผลการลดขยะ การแยกขยะ และคำนวณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ด้วย
ทางด้าน นุ่น ศิรพันธ์ บอกว่า “นุ่นคิดว่าการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กก็สามารถดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราให้ดีขึ้นได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน แคมเปญ REact For Change ลอง เปลี่ยน โลก จะเป็นจุดเริ่มต้นที่บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน เพื่อทำโลกของเราให้ดีขึ้น เพื่อตัวเรา และเพื่อลูกหลานของเราที่จะเติบโตขึ้นมาในอนาคต”